ชื่อสามัญ 5 : พรุน (prune)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prunus domestica
ตระกูล : Rosaceae
ข้อมูลทั่วไป 1
พรุนมีถิ่นกำเนิดอยู่ในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และขึ้นได้ดีในอีกหลายประเทศ มีหลายสายพันธุ์ แต่ที่หาซื้อได้ง่ายจะเป็นลูกพรุนสีแดงดำ เมื่อแห้งแล้วจะมีสีออกดำ รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน ลูกพรุนเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายเป็นจำนวนมาก เป็นที่รู้จัก และนิยมนำมารับประทานกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป และในอเมริกาเหนือ ลักษณะที่นำมารับประทานมีทั้งรับประทานเป็นผลสด นำมาตากแห้ง ทำเป็นน้ำพรุน และนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร
ส่วนที่ใช้ : ผล
ส่วนประกอบที่มีคุณประโยชน์ของลูกพรุนสกัด
- วิตามิน อี เป็น Anti-oxidant ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดง ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ช่วยบำรุงสายตา
- แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟัน รักษาระดับการเต้นของหัวใจ ช่วยระบบประสาทให้ปกติ
- เหล็ก (Iron) เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง พรุนแห้ง ๑ ขีด มีธาตุเหล็กประมาณ ๒.๗๘ มิลลิกรัม จึงเป็นแหล่งของธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี
- วิตามิน บี2 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด, กระบวนการสร้าง, ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์, เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการมองเห็น ผิวหนัง เล็บ และผม- วิตามิน ซี (Ascorbic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) และเป็นส่วนประกอบที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย เมื่อเซลล์ถูกทำลาย โอกาสในการเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นการที่ลูกพรุนมี Anti-oxidant ในปริมาณสูงจะช่วยทำให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้นด้วย และยังมีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดงอีกด้วย
อีกทั้งลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย แถมมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ด้วย คุณสมบัติอื่นๆ ก็คือ สามารถอุ้มน้ำไว้ระหว่างใย จึงทำให้กากอาหารนิ่ม และมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ให้มีการเคลื่อนไหวบีบตัวได้ดีขึ้น จึงทำให้ท้องไม่ผูก อีกอย่างคือ เป็นเส้นใยที่ละลายน้ำได้ จึงทำหน้าที่ไปขัดขวางการดูดซึมของไขมัน และน้ำตาลในเลือด ซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุ ที่เป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ที่อาจเกิดอันตรายได้หากมีการเบ่งอุจจาระแรงๆ
นอกจากนั้นในลูกพรุนมีกากใยธรรมชาติ (Dietary fiber) จำนวนมากหลายชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ น้ำลูกพรุน แม้จะมีรสหวานแต่ส่วนมากประกอบไปด้วยน้ำตาลชนิดฟลุคโตส และซอร์บิทอล ซึ่งไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญยังช่วยระบาย และรักษาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งในผู้ใหญ่ และในเด็กเล็ก 1, 2
ข้อควรระวังในน้ำลูกพรุน 1
เนื่องจากน้ำลูกพรุนมีโปแตสเซียมสูง จึงไม่ควรรับประทานในผู้ป่วยโรคไตวาย ระยะหลังที่ได้รับการล้างไต แต่ถ้าไม่ได้เป็นโรคไตชนิดนี้ก็สามารถรับประทานได้ นอกจากนี้น้ำลูกพรุน มีส่วนช่วยระบาย จึงไม่ควรรับประทานเป็นจำนวนมาก เพราะจะทำให้ท้องเสียได้ในบางคน ไม่ควรรับประทานครั้งละมากๆ รับประทานครั้งละ ๑๕-๓๐ ซีซี ต่อคนก็เพียงพอ
ส่วนผสม
น้ำเปล่า 8 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ลูกพรุนแกะเมล็ดออก ผสมน้ำนำไปต้มให้เปื่อย
- เอาเนื้อลูกพรุนยีให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ
- ผสมเกลือ น้ำตาลทราย คนให้ละลาย ตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง
- เสิร์ฟเย็นคู่กับน้ำแข็งทุบ
โยเกิร์ตลูกพรุนวิธีทำโยเกิร์ตลูกพรุนส่วนผสม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1กระป๋องน้ำ
ลูกพรุน 1/2 ถ้วย
ลูกพรุน 4-5 เม็ด
วีทเจิร์ม (Wheatjerm) หรือมูสลี่ ตามชอบ
วิธีทำโยเกิร์ตลูกพรุน
1.แช่ลูกพรุนในน้ำลูกพรุนข้ามคืนไว้
2.ตักโยเกิร์ตใส่ชาม โดยด้วยลูกพรุนและน้ำลูกพรุน โรยต่อด้วยมูสลี่หรือวีทเจิร์ม รับประทานได้ทันที
สุดท้ายตักใส่ถ้วย แล้วก็กิน ตามใจอยาก
โยเกิร์ตลูกพรุนวิธีทำโยเกิร์ตลูกพรุนส่วนผสม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1กระป๋องน้ำ
ลูกพรุน 1/2 ถ้วย
ลูกพรุน 4-5 เม็ด
วีทเจิร์ม (Wheatjerm) หรือมูสลี่ ตามชอบ
1.แช่ลูกพรุนในน้ำลูกพรุนข้ามคืนไว้
2.ตักโยเกิร์ตใส่ชาม โดยด้วยลูกพรุนและน้ำลูกพรุน โรยต่อด้วยมูสลี่หรือวีทเจิร์ม รับประทานได้ทันที
สุดท้ายตักใส่ถ้วย แล้วก็กิน ตามใจอยาก