Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

ถนนลอมบาร์ดที่ชันและคดเคี้ยวที่สุดในโลก Lombard Street (San Francisco)

ค้นหา
Custom Search
Lombard Street หนึ่งในถนนที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก....
❇ถนนสายนี้ถือเป็นเอกลักษณ์แห่งเมืองซานฟรานซิสโก...
รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริก สร้างขึ้นในปี 1922 ลักษณะเป็นเส้นทางลาดชันเอียง 40 องศา 

มีทั้งหมด 8 โค้งหักศอก ขนาดความยาวเพียง 400 เมตร รถทุกคันถูกจำกัดความเร็วที่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ เสมือนวิ่งอยู่ในเขาวงกต

ถนนลอมบาร์ด(Lombard Street) เชื่อมระหว่าง ถนนไฮด์ (Hyde) กับ ถนนลีเวนเวิร์ท (Leavenworth) 
ใน เมืองซานฟรานซิสโก 
รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อว่าเป็น ถนน
ที่คดเคี้ยวที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1922 ด้วยเส้นทางลาดชันเอียง 40 องศาประกอบด้วย 8 โค้งหักศอก 

ปูพื้นด้วยอิฐแดงมีความยาวทั้งสิ้น 400 เมตร.....
รถทุกคันถูกจำกัดความเร็วที่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น และเป็นวันเวย์ขับลงได้อย่างเดียว ขับขึ้นไม่ได้อย่านึกสนุกไปสวนทางเลยเชียวค่ะ เพราะไม่มีไหล่ทางให้หลบ และกฎเหล็กในการขับรถผ่านเส้นทางนี้คือ ห้ามชะงัก ห้ามจอดหรือหยุดรถระหว่างกำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางนี้ เพราะมันจะนำพามาซึ่งอุบัติเหตุนั่นเอง

Lombard Street ตั้งอยู่ใน Russian Hill ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการมาที่นี่ เพราะว่าต้นไม้ต่างแข่งกันออกดอกแย่งกันโชว์ความงามไปตามถนนที่แสนจะคดเคี้ยวนี้ ถ้าคุณขับรถไปก็อย่าลืมลองขับรถลงถนนเส้นนี้ดูจะได้ไปคุยกับเขาได้ว่าเคยขับรถบนถนนที่คดเคี้ยวที่สุดในโลกมาแล้ว.....

แต่ถ้าไม่มีรถ ก็ไปไม่ยาก แค่ขึ้นรถรางสาย Powell-Hyde ก็จะไปจอดที่หัวถนนพอดิบพอดี คุณจะได้เห็นถนนนี้จากมุมบน แล้วก็ยังได้เห็นวิวของเมืองนี้ที่สวยมาก ๆ อีกมุมหนึ่งด้วย แต่จะให้สวยก็เดินลงไปด้านล่างแล้วถ่ายรูปจากมุมข้างล่างขึ้นมา คุณก็จะเห็นถนนเส้นนี้จะจะ 
ว่าคดขนาดไหน ใครมาเมืองนี้ไม่มาที่นี่ก็ถือว่าไม่ถึงเหมือนกัน
Lombard Street - Lombard Street is called the most crooked or winding street in America.  

you can drive or walk down the one block of Lombard between Hyde and Leavenworth Streets. 

There are 8 sharp turns or switchbacks in this block. 

So if you don't want to drive, take a taxi. The Powell-Hyde cable car line stops at the top of Lombard Street

เผยภาพมุมสูงเห็นภายในเมืองลึกลับใต้ดิน อายุมากกว่า 4,000 ปี

         
ค้นหา
Custom Search
โดรนบันทึกภาพหาชมยาก เผยสภาพภายในเมืองใต้ดินลึกลับของประเทศจีน อายุมากกว่า 4,000 ปี ซึ่งในอดีตมีบ้านมากกว่า 10,000 หลัง ปัจจุบันถือเป็นพื้นที่อนุรักษ์และเป็นมรดกทางวัฒนธรรม 
         
ตามรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 ระบุว่า ในพื้นที่แห่งหนึ่งของมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศจีน มีหมู่บ้านใต้ดินลึกลับอายุมากกว่า 4,000 ปี ซึ่งในอดีตเคยมีบ้านเรือนมากกว่า 10,000 หลัง 

แต่ปัจจุบันมีผู้คนอยู่ที่นั่นเพียงแค่ราว 3,000 คน บ้านจำนวนหลายหลังถูกทิ้งไว้มาเป็นเวลายาวนาน โดยขณะนี้อยู่ภายใต้การอนุรักษ์และถูกจัดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมโดยทางการจีนเมื่อปี 2554 อีกทั้งทางรัฐบาลท้องถิ่นยังได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่คุ้มครอง และมีแผนที่จะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 

          
พื้นที่ดังกล่าวได้รับการขนานนามว่า เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน โดยภายในมีสภาพอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียสในฤดูหนาว และประมาณ 20 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน บ้านบางหลังถูกเรียกชื่อว่า Yaodongs 

ซึ่งในอดีตเคยมีบรรพบุรุษอาศัยอยู่มากว่า 6 รุ่น รวมระยะเวลานานกว่า 200 ปี ทั้งนี้ ตามรายงานท้องถิ่นได้เผยว่า เมื่อวันเวลาผ่านไปชาวบ้านหลายคนต่างอพยพย้ายจากภายในถ้ำขึ้นมาอยู่บนพื้นดิน 

         
นอกจากนี้ รายงานยังเผยว่า ภายในพื้นที่ดังกล่าวจะมีลานสนามยาว 10-12 เมตร อยู่ลึกลงไปใต้ดิน 6-7 เมตร โดยมีการขุดปากเป็นถ้ำเป็นแนวเฉียง เพื่อเป็นประตูสำหรับให้ชาวบ้านเข้าไปยังพื้นที่ภายใน ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากมุมสูง
Yaodongs

ประเพณีแปลกๆและเน่าแล้วอร่อย อาหารเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ของอาเซียน


เน่าแล้วอร่อย อาหารเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ของอาเซียน
●เน่าแล้วอร่อย
อาหารเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ของอาเซียน

(ซ้าย) โครงปลาช่อนราว 9 ตัว และโครงปลาดุก 3 ตัว บรรจุรวมอยู่ในภาชนะดินเผาบริเวณปลายเท้าของโครงกระดูกมนุษย์ ราว 3,000 ปีมาแล้ว (ขวา) โครงกระดูกมนุษย์
ราว 3,000 ปีมาแล้ว ที่เหนือศีรษะมีภาชนะใส่โครงปลาช่อน 
(ภาพของ รัชนี ทศรัตน์ นักโบราณคดี ผู้ควบคุมการขุดค้น แล้วพบของเหล่านี้)

   กะปิ       
¤เน่าแล้วอร่อย เป็นขบวนการถนอมอาหารไว้กินนานๆ ของคนในอุษาคเนย์ เช่น ปลาแดก, ปลาร้า, น้ำบูดู, กะปิ, น้ำปลา, ผักดอง, ถั่วเน่า
        
เคยมีนักวิชาการตะวันตกศึกษาอาหารหมักดองของอุษาคเนย์แล้วพบว่าขั้นตอนการแปรรูปอาหารประเภทเน่าแล้วอรอ่ย ไม่ต่างจากประเพณีทำศพของคนอุษาคเนย์ทำศพ เป็นประเพณีเก่าแก่ดึกดำบรรพ์สำคัญที่สุดของคนในอุษาคเนย์ เมื่อมีคนตาย ต้องปล่อยศพเน่าโดยเก็บไว้หลายวัน บางทีเป็นเดือนเป็นปี




■ศพเน่า          
ศพเน่า คือส่วนที่เป็นเนื้อหนังหุ้มกระดูกของคนตาย เน่าเปื่อยตามปกติธรรมชาติเมื่อผ่านไปหลายวัน        
○ต่อจากนั้นลอกเนื้อหนังเน่าเปื่อยออก เอากระดูกล้างน้ำ แล้วสาดน้ำล้างกระดูกขึ้นหลังคาเรือนขับไล่ผีร้าย เอากระดูกไปทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง เรียกพิธีทำศพครั้งที่ 2 เช่น ใส่ภาชนะดินเผา หรือใส่หม้อไหแล้วฝังอีกครั้งหนึ่ง, ใส่โกศ แล้วเผาบนพระเมรุมาศ       
○เก็บศพเน่า เป็นความเชื่อดั้งเดิมที่สุด ว่าคนตาย ขวัญไม่ตาย แต่ขวัญหายไปด้วย เหตุร้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจะคืนกลับมาสู่ร่างเดิมไม่วันใดก็วันหนึ่ง เมื่อขวัญพบทางกลับถูก      
○เครือญาติในชุมชนจึงต้องร่วมกันเป่าปี่ตีฆ้องกลอง สุนกสนานรื่นเริงเป็นมหรสพ คบงันให้สัญญาณแก่ขวัญที่หลงทางกลับคืนสู่ร่างถูกคนกินศพเน่า

☆มีนิทานอย่างน้อย 2 เรื่อง เป็นร่องรอยของคนกินศพเน่า ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นต้นตอของอาหารประเภทเน่าแล้วอร่อย      
○บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ จดนิทาน 2 เรื่องไว้ในหนังสือชาวเขาในไทย (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2506)
ว่าด้วยเรื่องละว้า จะคัดมาดังนี้
กบ บรรพชนของคน
○กบยักษ์ 2 ตัวผัวเมีย ผัวชื่อยาถำ เมียชื่อยาไถ่ ทั้งสองจับสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร ไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาย้ายมาอยู่ถ้ำทางใต้ของหนองน้ำนั้น
○วันหนึ่งยาถำจับมนุษย์มาได้คนหนึ่ง เอามากินเป็นอาหารร่วมกับยาไถ่ และเอากะโหลกแขวนไว้ดูเล่น 
○นับตั้งแต่นั้นมายาไถ่ตั้งครรภ์คลอดบุตรออกมาเป็นมนุษย์ผู้ชาย 9 คน ผู้หญิง 9 คน ยาถำกับยาไถ่จึงบูชาหัวกะโหลกมนุษย์ โดยเอากะโหลกมนุษย์ใส่ตะกร้าแขวนไว้บนเสากลางลานบ้าน  
○ถึงแม้จะมีบุตรเป็นมนุษย์แล้วก็ตาม ยาถำกับยาไถ่ยังพอใจจับเอามนุษย์มาเคี้ยวกินเป็นอาหาร เพราะเห็นว่าเนื้อมนุษย์มีรสอร่อยกว่าสัตว์ป่าทุกชนิด  
○ฝ่ายบุตรชายหญิงต่างแต่งงานมีบุตรหลานด้วยกันและแยกย้ายไปอยู่ในหุบเขา 9 แห่ง        
○วันหนึ่งยาถำกับยาไถ่ซึ่งแก่ชรามากแล้วไปดักจับมนุษย์ บังเอิญจับเอาหลานของตนมาฆ่ากินเป็นอาหารบรรดาบุตรชายทั้ง 9 จึงปรึกษาหารือกันว่าบิดามารดาของเรานี้แก่ชรามากแล้ว หูตาก็มืดมัว ทั้งเป็นสัตว์ป่าน่าเกลียดน่ากลัวชอบกินแต่เนื้อมนุษย์ แม้แต่หลานของเราก็ไม่ยอมเว้น สักวันหนึ่งคงจับพวกเรากินเป็นอาหารเป็นแน่แท้ จึงพร้อมใจกันจับเอายาถำกับยาไถ่บิดามารดาของตนมาฆ่ากิน     
○นับตั้งแต่นั้นมาจึงเกิดขนบธรรมเนียมฆ่าบิดามารดาเมื่ออายุมากสืบต่อกันมา เพิ่งมาเลิกเมื่อประมาณ 300 ปีมานี้พร้อมกับการกินเนื้อมนุษย์

■เพื่อเป็นที่ระลึกถึงว่าพวกตนมีต้นตระกูลเป็นกบ จึงนำเอาโลหะมาหล่อทำเป็นรูปกลองทองเหลืองกลมๆ มีรูปกบเกาะอยู่ริมกลอง ใช้ตีในเวลามีงานพิธี กลองชนิดนี้พวกกะเหรี่ยงพวกข่าในประเทศลาวใช้เหมือนกัน พม่าเรียกกลองปะชี แปลว่ากลองกบ ส่วนไทยเราเรียกว่า กลองมโหระทึก       
○รูปกบนี้ยังทำไว้ที่แท่นบูชาของเขาด้วย ในวันขึ้นปีใหม่จะมีการแห่รูปกบไปปล่อยลงในแม่น้ำหรือลำธารเสมอ


ฆ่าตัดหัว       
○พวกละว้า หรือว้าป่าเถื่อนนี้ ยังคงบูชาผีไร่ด้วยศีรษะมนุษย์เป็นประจำทุกปี 
○เล่ากันว่าหัวหน้าชาวละว้าไปซื้อพันธุ์ข้าวจากชาวจีนฮ่อซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ตีนเชิงเขา นำเอาพันธุ์ข้าวนั้นมาปลูกไม่ขึ้น   
○หัวหน้าชาวละว้าโกรธหาว่าพ่อค้าชาวจีนฮ่อเอาพันธุ์ข้าวลวกน้ำร้อนมาขายให้ จึงใช้ลูกน้องของตนไปซื้อพันธุ์ข้าวจากพ่อค้าจีนฮ่อคนนั้นอีก เมื่อซื้อแล้วให้ตัดเอาศีรษะมาด้วย  
○ลูกน้องก็ปฏิบัติตามโดยเอาข้าวใส่ในตะกร้าข้างล่าง ศีรษะชาวจีนฮ่อใส่ข้างบน เมื่อนำมามอบให้แก่หัวหน้าของตน พันธุ์ข้าวนั้นเต็มไปด้วยเลือดและน้ำหนอง เมื่อนำไปปลูกในไร่บังเอิญข้าวนั้นเจริญงอกงามผิดธรรมดา ถือว่าเป็นพันธุ์ข้าวผีโปรด     
○นับจากนั้นมาจึงถือเอาเป็นธรรมเนียมต้องตัดศีรษะมนุษย์มาบูชาผีไร่


ล่าหัวมนุษย์        
ประเพณีล่าหัวมนุษย์ เป็นพิธีกรรมขอความอุดมสมบูรณ์ ต้องทำทุกปี บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ บันทึกว่าพวกละว้าล่าหัวมนุษย์ช่วงขอฝน ก่อนลงมือ “เฮ็ดไฮ่” คือ ปลูกข้าวไร่หยอดหลุม และก่อนเก็บเกี่ยว    
○“เวลาเก็บเกี่ยวข้าวไร่ เรียกกันว่า ‘ไปหาหัวฮ้า’ ฮ้า คือ ร้า หรือของบูดเน่าของหมักดองอย่างปลาร้านั่นเอง”       
○เมื่อได้หัวมนุษย์แล้ว เอาไม้ไผ่ลำหนึ่งทะลุปล้องข้างในเสียบหัวไว้ข้างบน โดยผ่าไม้เป็นซีกสานคล้ายตะกร้าตาห่างๆ ทำหลังคากลมปักไว้ลานกลางบ้าน มีท่อไม้รองรับน้ำเหลืองให้ไหลลงมาสู่พันธุ์ข้าวไร่ในกระบุงข้างล่าง      
○หัวมนุษย์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะถูกนำไปรวมกันไว้ยังเรือนผีหรือศาลหัวกะโหลกซึ่งปลูกติดกับหมู่บ้าน แล้วมีฆ่าควายเซ่นวักเลี้ยงผีปีละครั้ง      
○ถ้าหมู่บ้านใหญ่หลายร้อยหลังคาเรือนต้องฆ่า
ควายหลายตัวมีเต้นฟ้อนหิ้วหัวกะโหลกมนุษย์เวียนไปมารอบๆพร้อมกับเสียงกระแทกกระบอกไม้ไผ่ลงบนพื้นดิน

รายการบล็อกของฉัน