Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

ภูเขาไฟโคลนมหัศจรรย์ธรรมชาติ ที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ภูเขาไฟโคลน 1 ในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้ยาก

🧔🏻ภูเขาไฟโคลนมหัศจรรย์ธรรมชาติ ที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ภูเขาไฟโคลน 1 ในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้ยาก

😁โคลนภูเขาไฟหรือโคลนโดมเป็นดินที่สร้างขึ้นโดยการปะทุของโคลนหรือslurriesน้ำและก๊าซ กระบวนการทางธรณีวิทยาหลายอย่างอาจทำให้เกิดภูเขาไฟโคลน ภูเขาไฟโคลนไม่ใช่ภูเขาไฟอัคนีที่ แท้จริงเนื่องจากไม่ได้ผลิตลาวาและไม่จำเป็นต้องถูกขับเคลื่อนด้วยกิจกรรมของแมกมาติก ภูเขาไฟโคลนอาจมีขนาดตั้งแต่สูงเพียง 1 หรือ 2 เมตร และกว้าง 1 หรือ 2 เมตร ไปจนถึงสูง 700 เมตร และกว้าง 10 กิโลเมตร  การหลั่งของโคลนที่มีขนาดเล็กกว่านั้นบางครั้งเรียกว่าหม้อโคลน

📰รายละเอียดข่าวเพิ่มเติม

👉🏿ชาวเน็ตมาเลเซียแห่แชร์ภาพการปะทุของ “ภูเขาไฟโคลน” (mud volcano) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตาบิน บนเกาะบอร์เนียว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เคยเกิดมาแล้ว และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

🎥คลิปดังกล่าวซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งถ่ายไว้ได้ถูกแชร์ต่อๆ กันอย่างกว้างขวาง และมีชาวเน็ตบางคนตั้งข้อสังเกตว่ามันจะเป็น “สัญญาณเตือน” อะไรหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทางการได้ออกมาชี้แจงว่า การปะทุของภูเขาไฟโคลนลิปัด (Lipad) ในรัฐซาบาห์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) ไม่ก่อให้เกิดอันตราย อีกทั้งโคลนที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็ “ไม่ร้อน” ด้วย

🌋ภูเขาไฟโคลนลูกนี้เคยปะทุมาแล้วเมื่อปี 2014 และ 2019

🧔🏻ฮามิต ซูบัน ไกด์นำเที่ยวซึ่งพาลูกทัวร์เข้าไปเห็นปรากฏการณ์อันน่าตื่นตะลึงนี้โดยบังเอิญเล่าว่า มันเกิดขึ้นราวๆ 10.00 น. ตอนที่เขาพาลูกทัวร์ชาวอเมริกันเข้าไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตาบิน

“ระหว่างที่เราเดินขึ้นไปบนหอชมนกและสัตว์ต่างๆ จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น แล้วก็มีโคลนไหลออกมาเต็มพื้นที่” เขาบอก

แม้จะทำงานเป็นไกด์มาตั้งแต่ปี 2005 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ ฮามิต ได้เห็นภูเขาไฟโคลนระเบิดด้วยตาตัวเอง

👨อัมราเฟล มารัง ไกด์นำเที่ยวอีกคนซึ่งทำงานในพื้นที่มา 23 ปี เล่าว่า โคลนจากภูเขาไฟอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ซึ่งช่วยดึงดูดสัตว์ป่าให้เข้ามาหากินในพื้นที่นี้..

👉🏿สาระข้อมูลเพิ่มเติม
เนินพุโคลน (อังกฤษ: mud volcano ; mud dome) หมายถึง หมวดหินที่เกิดขึ้นจากของเหลวและแก๊สที่ปลดปล่อยออกมาในทางธรณีวิทยา ทว่ามีกระบวนการที่แตกต่างอย่างหลากหลาย

ซึ่งอาจซึ่งก่อให้เกิดผลในลักษณะเช่นนี้ อุณหภูมิในกระบวนการนี้จะเย็นกว่ากระบวนการเกิดหินอัคนีเป็นอย่างมาก โครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 10 กิโลเมตร และมีความสูงถึง 700 เมตร

💥แก๊สที่ปล่อยออกมาในเนินพุโคลนนี้ เป็นแก๊สมีเทน 80% พร้อมกันนี้ยังมีไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์อีกเล็กน้อย วัตถุที่ถูกขับออกมานั้นมีลักษณะหนืด ประกอบด้วยของวัตถุแข็งขนาดเล็กละเอียด แขวนลอยอยู่ในของเหลว

ซึ่งอาจรวมถึงน้ำ (มักจะเป็นกรด หรือเกลือ) และของเหลวจำพวกไฮโดรคาร์บอน เคยพบที่ประเทศไต้หวัน จังหวัดเกาสวง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงพอสมควร

👩ผู้หญิงนิยมนำโคลนไปพอกหน้าเป็นเครื่องสำอางค์บำรุงผิว

สร้างใบหน้ามนุษย์เดนิโซวานจากดีเอ็นเอ

ค้นหา
สร้างใบหน้ามนุษย์เดนิโซวานจากดีเอ็นเอ 


มนุษย์เดนิโซวาน (Denisovans) เป็นมนุษย์ยุคโบราณที่อยู่ในสกุลโฮโม (Homo) เหมือนกับมนุษย์นีแอนเดอร์ธัล (Neanderthal) และมนุษย์ยุคใหม่ เดนิโซวานสูญพันธุ์ไปเมื่อ 40,000 ปีก่อน แต่การดำรงชีวิตของพวกเขาในอดีตเพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้ หลักฐานของมนุษย์เดนิโซวานถูกค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ.2551 ในถ้ำแถบไซบีเรีย 
 ซึ่งมีเพียงซากกระดูกนิ้วก้อย,ฟัน 3 ซี่ และขากรรไกรล่าง

ล่าสุด ไลราน คาร์เมล ผู้เชี่ยวชาญพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮีบรู ในอิสราเอล เผยว่าทีมวิจัยของเขาได้สร้างโครงกระดูกของมนุษย์เดนิโซวานโดยถอดรหัสดีเอ็นเอที่พบในกระดูกนิ้วก้อย ระบุว่าเป็นของเด็กหญิงวัย 13 ปีซึ่งเสียชีวิตไปนาน 70,000 ปี

แม้จะเป็นดีเอ็นเอจากกระดูกนิ้วแต่ก็เพียงพอที่จะสร้างโครงสร้างทางกายวิภาคของมนุษย์เดนิโซวานเต็มรูปแบบได้อย่างละเอียด เพื่อแสดงให้เห็นว่ามนุษย์กลุ่มนี้มีลักษณะอย่างไร ทีมวิจัยเผยว่าดีเอ็นเอสามารถบ่งบอกถึงสีผิวที่เข้ม ดวงตา และเส้นผมของมนุษย์เดนิโซวาน

แต่จากการทำแผนที่รูปแบบกิจกรรมของยีนก็อนุมานได้ว่าสายพันธุ์มีความโดดเด่นทางกายวิภาคห่างจากมนุษย์สมัยใหม่หรือมนุษย์นีแอนเดอร์ธัล โดยระบุคุณลักษณะ 56 อย่างที่ส่วนใหญ่อยู่ในกะโหลกศีรษะซึ่งแตกต่างกัน


สิ่งนี้ช่วยให้การสร้างภาพจากแบบจำลองสามารถอ้างความถูกต้องได้ 85% จากโครงกระดูกมนุษย์เดนิโซวาน ที่มองดูเหมือนมนุษย์ยุคใหม่ไม่น้อย อีกทั้งการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าดีเอ็นเอของมนุษย์เดนิโซวาน อาจช่วยให้ชาวทิเบตในปัจจุบันอาศัยอยู่ในที่สูงและทนทานต่ออุณหภูมิที่เย็นจัดได้.

เปิดสถิติชวนสยิวชายหญิงที่มีอวัยวะเพศใหญ่ที่สุดในโลก

ค้นหา

เปิดสถิติชวนอึ้ง ชายหญิงที่มีอวัยวะเพศใหญ่ที่สุดในโลกสถิตินี้มีอึ้ง มาดูกันว่าในบรรดาหญิงชาย ผู้ใดกันนะที่ครองสถิติอวัยวะเพศที่ใหญ่มหึมาที่สุดในโลก !!
              
เชื่อเลยว่ามีหลาย ๆ คนเพียรพยายามเหลือเกินที่จะให้มีชื่อของตัวเองเข้าไปอยู่ในสมุดบันทึกสถิติระดับโลก 


กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด แต่บอกเลยนะ ว่าเรื่องบางเรื่อง ของบางอย่าง มันก็แข่งกันไม่ได้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถิติ "จุ๊ดจู๋" และ "จิ๊มิ" ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พูดอย่างนี้ก็ชักอยากรู้แล้วสิ ว่าใครจะเป็นเจ้าของสถิติสุดมหึมา 

อวัยวะเพศชายใหญ่ที่สุดในโลก 13.5 นิ้ว เจ้าของตำแหน่งผู้มีอวัยวะเพศชายใหญ่ที่สุดในโลก คือ ชายชาวอเมริกัน นายโจนาห์ ฟอลคอน (Jonaj Falcon) ไอ้น้องชายของนายโจนาห์ใหญ่พี่บิ๊กชนิดที่ท่านชายทุกคนต้องอิจฉา (หรือเปล่า !?) ด้วยขนาดยามปกติ 9.5 นิ้ว และเมื่อตื่นตัวเต็มที่ก็กลายเป็นกระบองยักษ์ขนาด 13.5 นิ้วกันเลยทีเดียว
  
    
แต่ความใหญ่โตมโหฬารนี้ก็ทำให้ชีวิตคุณพี่โจนาห์ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก เขาเคยโดนกักตัวไว้ตรวจละเอียดยิบตรงจุดตรวจที่สนามบิน เพราะเจ้าหน้าที่สงสัยว่ากางเกงที่เห็นพอง ๆ ใหญ่ ๆ หัวบานทะโร่โกกะทัย แบบนั้นซ่อนอะไรไว้ข้างในหรือเปล่า 


ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นนกเขาของพี่ท่านนั่นเองแหละ ลองนึกภาพเอาเองก็แล้วกัน ด้วยขนาดใหญ่แบบนั้น มันโดดเด่นขนาดไหน 


อวัยวะเพศหญิงใหญ่ที่สุดในโลก ปากช่องคลอด 6 นิ้ว

หญิงผู้ได้รับการบันทึกให้เป็นผู้ที่มีจิ๊มิใหญ่ที่สุดในโลก คือ หญิงชาวสกอตต์ นามว่า แอนนา สวอน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1846-1888 แม้ไม่มีภาพหลักฐานจุดลับของเธอมายืนยันให้เห็นกับตา แต่ก็เชื่อได้ว่าสถิตินี้ไม่น่าจะมั่ว เมื่อนางแอนนาเป็นหญิงร่างยักษ์ สูงถึง 233 เซนติเมตร 


หนำซ้ำยังแต่งงานกับชายร่างยักษ์ที่สูงสูสีกัน (ทั้งคู่ยังคงครองสถิติคู่รักที่สูงที่สุดในโลกมาจนถึงปัจจุบันด้วย)
 
ความลับเรื่องขนาดอวัยวะเพศของแอนนากลายเป็นที่กล่าวขาน เมื่อเธอให้กำเนิดทารกที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก (น่าเสียดายที่ทารกน้อยเสียชีวิตหลังคลอดไม่นาน) และจากขนาดศีรษะทารกที่มีเส้นรอบวงถึง 19 เซนติเมตร 


แน่นอนว่าช่องคลอดของแอนนาต้องขยายมากพอที่จะให้ทารกผ่านออกมาได้ จึงมีการคำนวณว่าปากช่องคลอดของเธอต้องขยายได้ "อย่างน้อย ๆ" ถึง 6 นิ้ว จากไซส์ของผู้หญิงปกติที่ขยายได้เฉลี่ยแค่ 4 นิ้วเท่านั้นเอง

🤓จบบทความ...แล้วนะครับ..หวังว่าคงจะมีสาระความรู้บ้างพอสมควร...
"รู้ไว้ใช่ว่า...ใส่บ่าแบกหาม..ครับจบ"😁

ป่าดึกดำบรรพ์อายุกว่า 1 หมื่นปี จมใต้ทะเลลึก

ค้นหา

ค้นพบครั้งยิ่งใหญ่!!! "ป่าดึกดำบรรพ์" อายุกว่า 1 หมื่นปี จมใต้ทะเลลึก


นักประดาน้ำหญิงผู้หนึ่ง ชื่อว่า นางดอวน์ วัตสัน ได้พบพื้นที่บางส่วนของ "ป่าดึกดำบรรพ์" ซึ่งมีอายุกว่า 1 หมื่นปี ที่จมอยู่ในทะเลเหนือ ของอังกฤษ โดยเชื่อว่าจะอยู่ใต้น้ำตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง


ทั้งนี้ พื้นที่ป่าดังกล่าวอยู่ใต้ทะเลเหนือ นอกชายฝั่งหมู่บ้านเคลย์ ในเมืองนอร์ฟ๊อกซ์ ประเทศอังกฤษ และถือเป็น "ป่าที่สูญพันธ์" โดยประกอบด้วยต้นโอ๊คดึกดำบรรพ์ ขนาด 8 เมตร และเชื่อว่าพื้นที่ป่านี้ ถูกเปิดเผยออกมาหลังเกิดพายุเมื่อช่วงฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้ว


นางวัตสัน
กล่าวว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็น "ป่าดึกดำบรรพ์" นี้ แจนทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเมื่อตอนแรก ต้นไม้หลายต้น เชื่อว่าเกิดมาจากป่าใหญ่ ที่มีพื้นที่หลายพันเอเคอร์ และเชื่อว่า ป่าดังกลาวต้องจมทะเลเมื่อน้ำแข็งละลาย และทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 120 เมตร และต้นไม้หลายต้นที่ล้มได้นอนราบกับพื้นทะเล และทำให้เกิดปะการังธรรมชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยปลา พืชพันธ์ และชีวิตสัตว์น้ำที่หลากหลาย


ฟอสซิลป่าโบราณใต้ทะเล
อกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า ป่าดังกล่าวอาจเคยกว้างใหญ่กินพื้นที่กว่าหลายร้อยไมล์ คล้ายกับป่าในภาพยนตร์อย่าง "ฮอบบิท" หรือ "เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง" ขณะที่นักธรณีวิทยาต่างก็ตื่นเต้นมากกับการค้นพบนี้ และถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก


อย่างไรก็ตาม นางวัตสัน เผยว่า พื้นที่ป่าแห่งนี้จะสามารถตรวจสอบอายุได้อย่างชัดเจน ด้วยกระบวนการตรวจสอบรังสีคาร์บอนฯ และเชื่อว่า พื้นที่ป่านี้อาจซ่อนฟอสซิลของสัตว์บกและสัตว์น้ำจำนวนมาก

🧔🏻ข้อมูลเพิ่มเติม

ป่าดึกดำบรรพ์ (อังกฤษ: Old Forest) เป็นชื่อป่าทึบแห่งหนึ่งในปกรณัมชุด มิดเดิลเอิร์ธ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแคว้นไชร์ ระหว่างเขตบั๊กแลนด์ กับเขาสุสาน ใจกลางแผ่นดินเอเรียดอร์อันกว้างใหญ่

แต่เดิมดินแดนแถบนี้เป็นป่าทึบขนาดใหญ่ไร้ผู้อยู่อาศัย (เป็นที่มาของคำว่า 'เอเรียดอร์' หมายถึง 'แผ่นดินร้าง') แต่เมื่อชาวนูเมนอร์มาบุกเบิกแผ่นดินทางใต้ และชาวฮอบบิทอพยพมาจากทางตะวันออกของเทือกเขามิสตี้ ผืนป่าในเอเรียดอร์ก็ลดน้อยถอยลง หนึ่งในเขตแดนป่าที่เหลือก็คือป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้

ชาวฮอบบิทเชื่อว่าในป่าดึกดำบรรพ์มีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เดินได้และพูดได้ (น่าจะเป็นพวกเดียวกับเอนท์) และยังโหดร้ายอีกด้วย ในหนังสือ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ตอน มหันตภัยแห่งแหวน เมื่อโฟรโดกับผองเพื่อนฮอบบิทเดินทางออกจากไชร์ทางด้านบั๊กแลนด์ ได้ผ่านเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์ และถูกต้นไม้ใหญ่ชื่อ 'ผู้เฒ่าหลิว' จับตัวเอาไว้

ทางตะวันออกเฉียงใต้ของป่ามีแม่น้ำวิทธีวินเดิลไหลผ่าน ริมแม่น้ำนั้นเป็นบ้านของ ทอม บอมบาดิล ซึ่งได้ไปช่วยเหล่าฮอบบิทเอาไว้จากผู้เฒ่าหลิว

ในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ฉบับภาพยนตร์ ได้ตัดเรื่องของป่าดึกดำบรรพ์ และ ทอม บอมบาดิล ออกไป

ย้อนรอยอดีต ประวัติที่มาของถนนสุขุมวิทกับอดีตวันวานที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว

ย้อนรอยอดีต ประวัติที่มาของถนนสุขุมวิทกับอดีตวันวานที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว

🧔🏻เมื่อวานก่อนนั่งดูข่าวเห็นข่าวน้ำท่วมถนนสุขุมวิทก็เลยมีความคิดสนใจอยากจะทำบทความเรื่องถนนสุขุมวิท..ประวัติความเป็นมา  ก็หาข้อมูลรวบรวมเท่าที่พอจะหาได้..ก็พอจะได้สาระบ้างนะครับ

👉🏿การพัฒนามันก็ดีนะครับ...แต่สำหรับประเทศไทยเท่าที่ดูๆแล้วยิ่งพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งเสื่อมลงไม่รู้เป็นไรนะครับ(อันนี้เป็นความคิดส่วนบุคคลนะครับ)

👉🏿ภาพถนนสุขุมวิทก่อนปี 2500 ประมาณ 4-5 ปี ...ที่เห็นในภาพจะเป็นส่วนของถนนในกรุงเทพฯ ถ้าขับรถเลยนอกเมืองไปจะเรียกว่า ถนนกรุงเทพฯ -สมุทรปราการ คือสมัยก่อนเลยวัดธาตุทองไปก็เริ่มเป็นชนบทแล้วครับ 😁

👉🏿ถนนสุขุมวิท ถูกตั้งชื่อโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 เพื่อเป็นเกียรติแก่ พระพิศาลสุขุมวิท (ประสพ สุขุม) อธิบดีกรมทางหลวง 👍

สมัยก่อนจะไปเที่ยวบางปูหรือบางแสนก็ต้องไปเส้นนี้ล่ะครับ โดยผ่านทางสมุทรปราการ ...บางคนก็เรียกว่า ถนนกรุงเทพฯ - สมุทรปราการ ... สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สามารถขับรถไปได้ถึงจังหวัดระยองเลยทีเดียว ...เรื่องราวเหล่านี้บันทึกไว้ใน นิยาย พล นิกร กิมหงวน ตอนเที่ยวทางไกล ปี 2484 😅🐈🦆👍

🧔🏻ถนนสุขุมวิท
ถนนสุขุมวิท (อักษรโรมัน: Thanon Sukhumvit) ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 สายบางนา–หาดเล็ก เป็นหนึ่งในทางหลวงแผ่นดินสายประธานทั้งสี่ของประเทศไทย จุดเริ่มต้นที่แยกใต้ทางด่วนเพลินจิต ซึ่งเป็นทางต่อเนื่องจากถนนเพลินจิต ในกรุงเทพมหานคร เลียบตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และไปสิ้นสุดที่ด่านพรมแดนในอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ติดต่อกับชายแดนจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา รวมระยะทางยาวทั้งสิ้นประมาณ 488 กิโลเมตร

👉🏿ถนนสุขุมวิทในกรุงเทพมหานคร มีประวัติเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 เมื่อนางสาว อี. เอส. โคล หรือ "แหม่มโคล" ครูใหญ่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง หรือในปัจจุบันคือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ได้ย้ายโรงเรียนจากข้างโรงพยาบาลศิริราชมาอยู่ริมคลองแสนแสบซึ่งตอนนั้นยังไม่มีชุมชน การคมนาคมก็มีเพียงแต่คลองแสนแสบ จึงขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ตัดถนนเพลินจิตต่อจากถนนปทุมวัน (ถนนพระรามที่ 1) จนถึงจุดบรรจบบนถนนวิทยุที่แยกไปสถานีวิทยุโทรเลข (แยกเพลินจิต)

👉🏿 ซึ่งถนนดังกล่าวอยู่ในแนวถนนที่เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ดำริจะตัดไปสมุทรปราการอยู่แล้ว แต่กรมสุขาภิบาลยังไม่มีเงินสร้าง ในปี พ.ศ. 2466 โรงเรียนกุลสตรีวังหลังเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย นาย เอ.อี.นานา ได้เรี่ยไรเจ้าของที่ดินในย่าน แล้วนำเงินมาให้กรมสุขาภิบาลขุดคลองเอาดินพูนขึ้นเป็นถนน จากจุดตัดของถนนเพลินจิตกับถนนวิทยุ ไปจนถึงซอยเข้าโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย (ซอยสุขุมวิท 19) เป็นระยะทาง 3,072 เมตร

👉🏾ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้ขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อตัดถนนต่อจากปากซอยสุขุมวิท 19 ไปจนถึงจังหวัดสมุทรปราการ ได้ชื่อว่า "ถนนกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ" เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2479 ต่อมาพระพิศาลสุขุมวิท (ประสพ สุขุม) ตำแหน่งอธิบดีกรมทางในขณะนั้น และเป็นบุตรของเจ้าพระยายมราชและท่านผู้หญิงตลับ

ได้จัดทำ "โครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรไทย" เป็นแม่บทในการสร้างทางหลวงเป็นเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ถนนกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ ถูกกำหนดให้เป็นทางสายหลักของภาคตะวันออก จึงสร้างต่อจากสมุทรปราการ ผ่านชลบุรี ระยอง ไปจนถึงตัวเมืองตราด เรียกชื่อว่า "ถนนกรุงเทพฯ-ตราด" ทำให้คณะรัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีมติให้ตั้งชื่อทางหลวงสายกรุงเทพฯ-ตราดว่า ถนนสุขุมวิท เพื่อเป็นเกียรติแก่พระพิศาลสุขุมวิท เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493




ภาพสองภาพข้างบนนี้น่าจะเป็นแถวเยาวราชกับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในสมัยโบร่ำโบราณครับ

👉🏿ต่อมาได้มีการกำหนดให้รวมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 318 ตลอดทั้งสาย (ช่วงตัวเมืองตราดถึงด่านพรมแดนบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่) ให้เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ทำให้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 มีระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 89 กิโลเมตร

🌀สุดท้ายก่อนจบบทความนี้อดีตไม่มีวันหวนกลับมาแล้วภาพอดีตมันก็คือภาพอดีต

🌀ส่วนปัจจุบันจะเป็นอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของปัจจุบันและอนาคต...

👉🏾แต่สำหรับความคิดของข้าพเจ้าแล้วอยากจะย้อนกลับไปอยู่ในอดีตมากกว่าที่จะอยู่ในปัจจุบัน...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้...นอกจากวาระสุดท้ายคือความตายและจะมีความจดจำฝังใจอดีตและสิ่งดีๆเอาไว้แค่นั้นเอง

🧔🏻แล้วยิ่งมีข่าวออกมาว่าอีกไม่นานกรุงเทพฯก็จะจมน้ำทะเลแล้วมันก็เป็นอะไรที่รู้สึกเศร้ามากนะครับถ้าไม่มีการพัฒนาและป้องกันกรุงเทพฯมันต้องจมน้ำทะเลแน่ๆในอนาคต..

รายการบล็อกของฉัน