Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

การรักษาอาการปวดประจำเดือนผิดปกติ


😳ในอดีตเราบอกว่า "การปวดประจำเดือน" เป็น ภาวะปกติใช่มั้ยครับ? แต่ว่าปวดแค่ไหนล่ะที่จะปกติ ก็สังเกตได้จากการปวดประจำเดือนรบกวนต่อคุณภาพชีวิตมั้ย เช่น นักเรียนไปโรงเรียนได้รึเปล่า คนทำงานต้องหยุดงานมั้ย ถ้ามีอาการแบบนี้นั่นคือการรบกวนคุณภาพชีวิตแน่นอนไม่ปกติ จำเป็นที่จะต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม อาการปวดทางการแพทย์เราแบ่งเป็นสองชนิด คือ ปวดปฐมภูมิกับทุติยภูมิ
     
ปฐมภูมิ คือ ไม่มีรอยโรคหรือพยาธิสภาพ อาจจะเกิดจากการบีบรัดตัวของมดลูกที่มากกว่าปกติ อาจจะมีความถี่มากขึ้น แรงมากขึ้นเพื่อไล่เลือดออกไป กลุ่มนี้เป็นเพราะในร่างกายมีสารบางอย่างสูงกว่าปกติ ก็คือ "โปรสตาแกลนดิน" ซึ่งถ้าเกิดการหลั่งมากกว่าปกติ จะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ กลุ่มนี้จะพบมากในช่วงแรกของประจำเดือน หลังจากนั้นหากมีบุตรแล้วก็จะหายไป (แต่ต้องคลอดเองนะครับ มีน้อยมากที่จะหลงเหลือถึงอายุสัก 40)
                   
ทุติยภูมิ คือ มีรอยโรคซ่อนอยู่ ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน เช่น ช็อกโกแลตชีสต์ หรือว่าเป็นโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีเนื้องอกมดลูกก็จะทำให้มีอาการปวดได้ ในกลุ่มนี้พบได้บ่อย ยิ่งในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่อายุ 20 ปลาย ๆ ขึ้นไป
 
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นปฐมภูมิ อันนี้เป็นประเด็นสำคัญ ดังนั้น ผู้มีสัญญาณอันตรายควรมาพบแพทย์ก่อน เพื่อตรวจวินิจฉัยว่า ไม่ใช่ทุติยภูมิ ไม่ใช่เนื้องอก ไม่ใช่ซีสต์ ไม่ใช่ภาวะอย่างอื่น แต่ถ้าตรวจวินิจฉัยแล้วพบโรคอื่นแทรกซ้อน ก็ต้องรักษาตามสิ่งที่เป็นสาเหตุ

 สัญญาณอันตราย : ปวดมากขึ้น
ถ้าเกิดเราต้องใช้ยามากขึ้น กินยาถี่ขึ้น หรือใช้ยาที่รุนแรงมากขึ้น อันนี้ก็เป็นสิ่งที่จะบอกเราได้ว่าอาการปวดมันเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นสัญญาณอันตรายที่คนไข้จะรับรู้ได้ว่า ควรจะต้องไปปรึกษาแพทย์แล้ว
           
มีอาการอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น เวลามีประจำเดือนถ่ายอุจจาระเจ็บปวด ปัสสาวะมีเลือดออกมาด้วย หรือมีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บปวดมาก ก็ถือเป็นเรื่องผิดปกติเช่นกัน
        
ในประจำเดือนปกติ รอบหนึ่งจะมีปริมาณไม่เกิน 70-80 ซี.ซี. แต่จะมีใครที่รู้ว่าประจำเดือนมากี่ซี.ซี. เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือ ตัวเองต้องมีการจดบันทึกว่า มีประจำเดือนกี่วันและมีลักษณะเป็นอย่างไร

การรักษาอาการปวดประจำเดือนผิดปกติ        
เราใช้วิธีรักษาด้วยยา เช่น อาจใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มที่ต่อต้านโปรสตาแกลนดิน ลดระดับของโปรสตาแกลนดินลง หรือให้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาระดับไม่ให้มีการหลั่งโปรสตาแกลนดินสูงในบาง ช่วง แต่โดยทั่วไป ถ้าคนยังไม่มีครอบครัวเนี่ย การกินยาคุมกำเนิดก็อาจดูไม่ค่อยเหมาะสม ก็อาจจะต้องกินยาแก้ปวดไป ซึ่งมีเทคนิคอีกก็คือ เรารู้ว่า จะปวดประจำเดือน เมื่อไหร่ก็กินยาก่อนนิดหน่อยเพื่อที่จะออกฤทธิ์ได้ดีกว่า ส่วน ยาคุมกำเนิดที่ออกฤทธิ์ลดระดับโปรสตาแกลนดินอาจจะดีจริง ๆ แต่ว่าเราต้องกินต่อเนื่อง ข้อดีก็คือกลุ่มที่ยังไม่อยากมีบุตรอาจใช้ฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดไปด้วยร่วมกับ ยาลดอาการปวดประจำเดือน แต่ถ้ารักษาแล้วเกิดไม่ดีขึ้น เราก็ต้องกลับไปดูว่ามีสาเหตุอื่นรึเปล่า

หากมีเลือดที่ไม่ใช่ประจำเดือน        
อันนี้ไม่เกี่ยวกับปวดประจำเดือนแล้ว อาจจะเป็นอาการเลือดออกผิดปกติที่เราต้องดูว่ามีสาเหตุเกี่ยวกับอะไร ถ้าเกิดมันไม่ออกมาตามประจำเดือนที่ควรจะเป็น เช่น ออกระหว่างรอบเดือน เลือดออกผิดปกติ คือออกเยอะ คล้าย ๆ ประจำเดือนแต่ไม่ได้ออกตามรอบเดือน ก็ถือว่าผิดปกติ และต้องมีการตรวจเพิ่มเติม ยิ่ง อายุมาก ๆ อย่าง 40 ขึ้นไป เราก็ต้องระวังโรคอย่างอื่น ให้สังเกตและจดไว้ให้ดี อันนี้คือหน้าที่ที่ควรจดจำไว้ เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ผู้หญิงสามารถดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้น
        
การสังเกตตัวเองเป็นสิ่งง่ายที่สุดที่จะช่วยตัวเองและอาจจะช่วยหมอด้วยในการ ให้คำวินิจฉัยที่แม่นยำ หรือถ้าเกิดมีความผิดปกติ จำเป็นต้องมาพบแพทย์ก็อย่าไปกลัวทุกคนไม่จำเป็นต้องตรวจภายในทั้งหมด การรักษาหรือการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมืออย่างอื่นก็มีตั้งเยอะ 

การตรวจภายในก็อาจจะไม่ต้องทำทุกคน ใครที่ทำได้ก็ทำจริง ๆ แล้วรอยโรคที่เป็นหลายอย่างสามารถตรวจได้โดยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การตรวจภาย ในคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกคนควรได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกทุกปี ซึ่งจะสามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูก 
(และลดอัตราการตาย) ในประเทศเราที่ตอนนี้เป็นอันดับ 2 โดยสามารถตรวจได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและรักษาได้ทันท่วงทีก็ขอฝากสาว ๆ ด้วยนะครับ

 ทายซิความเชื่อเหล่านี้ผิดหรือถูก       
1. ผู้หญิงทุกคนต้องปวดประจำเดือน        
2. ผู้หญิงมีประจำเดือน ไม่สามารถออกกำลังกายได้ (รวมถึงว่ายน้ำ)         
3. อาหารการกินและความเครียดมีผลต่อระยะเวลาการมีประจำเดือน       
4. ถ้ามีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน คุณจะไม่ตั้งครรภ์         
5. ถ้าใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เยื่อพรหมจรรย์จะฉีกขาด

 เฉลย       
1. ผิด บางคนไม่เคยปวดมาก่อนในชีวิตก็มี อนึ่งอาการปวดจะพีคสุดภายใน 24 ชั่วโมงแรกของรอบประจำเดือนนั้น หลังจากนั้นมักจะหายไปตามธรรมชาติ         
2. ผิด การมีประจำเดือนไม่ใช่ความเจ็บป่วย ผู้หญิงทุกคนสามารถออกกำลังกายรวมถึงว่ายน้ำได้ ในขณะที่มีประจำเดือน      
3. ถูกต้อง       
4. ผิด ถ้า มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ ยิ่งถ้าระยะการมีประจำเดือนสั้นแล้ว คุณอาจจะตกไข่ในวันสุดท้ายของการมีประจำเดือน อีกข้อหนึ่งก็คือ อสุจิสามารถอยู่ได้ 5-6 วันหลังการมีเพศสัมพันธ์เชียวนะ       
5. ผิด เยื่อ พรหมจรรย์มาในหลายรูปร่างและขนาด ส่วนใหญ่จะมีช่องเปิดให้ประจำเดือนไหลออก แต่เยื่อนี้ อาจฉีกขาดได้ง่าย ๆ ในขณะที่ปีนต้นไม้หรือเล่นกีฬา อีกอย่างก็คือเยื่อพรหมจรรย์ไม่ใช่เครื่องวัดความบริสุทธิ์ของสาว ๆ นะจ๊ะ

ข้อมูลเพิ่มเติมประสบการณ์การบรรเทาอาการปวดประจำเดือนของคุณ ame ที่ส่งมาแชร์ประสบการกันครับ

ปัญหาของผู้หญิงในเว็บสาธารณะอย่างนี้แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะ
เตือน ไว้ก่อนว่านี้เป็นเพียงการบรรเทาเท่านั้น และผลอาจไม่เป็นที่น่าพอใจเท่ายาแก้ปวดท้องประจำเดือนซี่งเป็แผนปัจจุบันที่ ขายกัน แต่จะดีกว่ายาพวกนั้นตรงที่ไม่มีสารตกค้างแน่ ๆ กินแล้วกระดูกไม่ผุเหมือนยาแผนปัจจุบันค่ะ แถมบำรุงร่างกายด้วย
Home Care : บรรเทาปวดประจำเดือนได้ง่าย ๆ ที่บ้าน
           •    วางถุงน้ำร้อนไว้ที่ท้องน้อย (ใต้สะดือ) แต่อย่าวางแล้วเผลอหลับไปนะ
           •    ใช้ปลายนิ้วนวดท้องน้อย
เบา ๆ เบาๆ
           •    ดื่มน้ำอุ่น อาบน้ำอุ่น
           •    แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ หลาย ๆ มื้อ กินอาหารที่อุดมไปด้วย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน 
เช่น โฮลเกรน ผักและผลไม้ 
แต่ให้อยู่ห่างจากเกลือ น้ำตาล 
แอลกอฮอล์ และกาเฟอีน
           •    ในขณะที่นอนให้ยกขา
ขึ้นสูงหรือนอนตะแคงแล้วงอเข่าเล็กน้อย
           •    ฝึกผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ หรือโยคะ
           •    สำหรับคนที่กินยาแก้ปวด 
เช่น ไอบูโปรเฟน ให้เริ่มกินก่อน 
มีประจำเดือนหนึ่งวัน
           •    ลองกินวิตามินบี 6 แคลเซียม และแมกนีเซียมเป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะถ้าคุณปวดจากอาการ PMS
           •    เดินหรือออกกำลังเป็นประจำ อย่าลืมบริหารส่วนอุ้งเชิงกราน
           •    ลดน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักเกิน
โดยปกติถ้าใครเป็นในระดับกลาง - มากนี่คงรู้ตัวนะคะ เพราะได้ดิ้นอยู่บนเตียงแล้วแน่ ๆลอง ให้คนที่บ้านไปซื้อน้ำขิง เต้าฮวยหรืออะไรก็ได้ที่เป็นนะขิงร้อน ๆ ค่ะ แต่ไม่แนะนำใช้ผงขิงสำเร็จรูปเพราะจะอ่อนไป และระวังสำหรับบางร้านเขาจะขี้โกงใส่พริกไทยประสมลงไปเพื่อให้เผ็ด ผลทีได้มันจะไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ 
(ถ้าทีพริกไทยมันจะเผ็ดอย่ที่ปาก
นะ ไม่ร้อนท้อง)

เผ็ดของขิงจะต่างจากพริก หรือวาซาบินะ เพราะว่าขิงจะเผ็ดแบบอุ่น ๆ คือ พอกินเข้าไปมันจะร้อนไล่วาบตั้งแต่คอ อก ท้องเลย รู้สึกได้ ซดมันเข้าไปหมดชามนั่นแหละ แล้วจะดีขึ้นเอง (เหมือนยัดถุงน้ำร้องเข้าไปในท้อง)
ตอนแรก ๆ อาจมีปัญหากันนิดหน่อยเพราะไม่ชินกับรสเผ็ด แต่ฝืนใจกินหน่อย เอาพวกปาท่องโก๋ (ที่เล็ก ๆ กรอบ ๆ สำหรับใส่เต้าฮวย หรือบดใส่โจ๊) ประสมเพื่อความอร่อยได้ (แต่อย่ากินปาท่องโกอย่างเดียวแล้ววิดน้ำขิงทิ้งนะ แบบนั้นไม่ได้ผลห้ามว่ากัน) กินไปซัก 4 - 5 ครั้งก็ชินเอง เดี๋ยวก็เรียกหาทุกเดือนเองแหละ

หรือใครจะต้มเอง 
ซื้อขิงมาเก็บไว้ที่บ้านเป็นกิโลต้มกับมันก็ใช้ได้นะ (อันนี้เป็นวิธีที่แม่ ame จะทำให้บ่อย ๆ)

ข้อสำคัญอย่าปล่อยให้เย็นแล้วกิน กินมันตอนร้อนที่สุดเท่าที่ปากของเพื่อน ๆ จะรับไหว
จาก นั้นก็นอนพักหน่อย เดี๋ยวหายเอง ไม่ต้องพึ่งยาหรือถุงน้ำร้อน 
(ที่จริงอันหลังไม่มีผลข้างเคียง แต่บางคนบอกว่าใช้แล้วจะติด แม่ของ ame เลยไม่ให้ใช้ แต่ถ้าใครที่เป็นหนักถึงขึ้นอาเจียนก็ใช้ไปเหอะ ถ้าพอกัดฟันทนก็อย่าใช้เลย)

ลองทำดูนะ แล้วก็ถ้าจะป้องกันไม่ให้มันเป็ฯหรือให้เป็นน้อยก็อย่ากินของเย็น ๆ ก่อนที่ประจำเดือนจะมาซัก 2 - 3 วัน แล้วช่วงนั้นดื่มน้ำขิงด้วย เขาว่ามันจะช่วยได้ แต่ ame เองก็ยังไม่เคยทำสำเร็จ (อดใจกินไอศกรีมไม่ได้ง่ะ)

ใครมีวิธีอื่นก็มาแลกเปลี่ยนความรู้กันได้นะ อันนี้เป็นวิธีที่ ame ทำแล้วตัวเองก็ได้ผล
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย musa

รายการบล็อกของฉัน