นี่อาจจะเป็นเคสแรกในโลก ชายวัย 30 ปีชาวสก็อตแลนด์มีอาการหลอดลมทะลุ คอบวม และก้อนอากาศติดอยู่ในทางเดินหายใจ แพทย์วินิจฉัยเป็นอาการบาดเจ็บจากการกลั้นจามด้วยการปิดปากและบีบจมูก
รายงานใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร British Medical Journal ซึ่งเขียนโดยแพทย์โรงพยาบาล Ninewell ในเมืองดันดี สก็อตแลนด์ ได้เผยให้เห็นเคสตัวอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในโลก ซึ่งระบุถึงอาการบาดเจ็บในทางเดินหายใจจากการการกลั้นจามแทนที่จะปล่อยออกไป
“เราได้รายงานภาวะหลอดลมทะลุหลังจากการจาม ซึ่งตามความรู้ของเราไม่เคยมีรายงานมาก่อน” แถลงการณ์ระบุ
.
ทีมแพทย์ได้เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ชายวัย 30 ปีคนนี้ได้เข้ามาที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง คอของเขาบวมทั้งสองข้าง เมื่อแพทย์ตรวจดูก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกเบา ๆ อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นสามารถหายใจ กลืน หรือพูดได้ปกติ
แพทย์จึงทำการเอ็กซ์เรย์คอของเขา ซึ่งเผยให้เห็นรอยฉีกขาดขนาด 2 x 2 มิลลิเมตร ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอากาศติดอยู่ใต้ชั้นเนื้อเยื่อของผิวหนัง และเมื่อทำสแกนด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan) ก็พบว่ามีก้อนน้ำอยู่ระหว่างกระดูกชิ้นที่ 3 และ 4 ของกระดูกของ รวมถึงมีก้อนอากาศอยู่ในช่องว่างระหว่างปอด
แพทย์ตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัด แต่เขาได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงด้วยยารักษาบรรเทาอาการปวด เนื่องจากมีอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจน และความดันโลหิตปกติ เมื่อผ่าน 5 แพทย์ก็ระบุว่าเขาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
“เราสงสัยว่าหลอดลมมีรูพรุน เนื่องจากแรงกดดันในหลอดลมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่บีบจมูกและปิดปากระหว่างจาม” รายงานระบุพร้อมกับเน้นย้ำว่า “ทุกคนควรได้รับคำแนะนำว่าอย่ากลั้นจามด้วยการบีบจมูกและปิดปาก เพราะอาจส่งผลให้เกิดหลอดลมทะลุได้”
แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่หลอดลมทะลุ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การกลั้นจามทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ ในปี 2018 ชายชาวอังกฤษวัย 34 ปีคนหนึ่งเนื้อเยื่อหลังคอของเขาแตกหลังบีบจมูกและปิดปากระหว่างจาม ด้วยเหตุนี้ทีมแพทย์จึงแนะนำว่าหากต้องการจาม ให้ปล่อยออกมาโดยมีทิชชู่ปิดปากและจมูกไว้ดีกว่า
“การหยุดจามด้วยการปิดรูจมูกและปากเป็นการกระทำที่อันตรายซึ่งควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนได้หลายอย่างเช่น อากาศติดอยู่ในหน้าอก แก้วหูทะลุ และแม้กระทั่งหลอดเลือดแตก” รายงานจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ เอ็นเอชเอส ทรัสต์ เขียนเมื่อปี 2018