น้ำหอมที่ฟาโรห์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ของอาณาจักรอียิปต์โบราณ มีกลิ่นอย่างไร?
ฟาโรห์หญิง Hatshepsut ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอียิปต์โบราณ เป็นกษัตริยาองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วโลก และแม้พระองค์จะปกครองอาณาจักรดังเช่นฟาโรห์ชายอกสามศอกทั่วไป แต่นิสัยของผู้หญิงที่ชมชอบของสวยๆงามๆ และกลิ่นหอมๆ ก็ยังมีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ทำงานเสร็จสมบูรณ์ ผู้คนทั่วโลกอาจจะได้มีโอกาสดมกลิ่นน้ำหอมโบราณอายุหลายพันปีของกษัตริยาฟาโรห์ Hatshepsut ผู้ปกครองอาณาจักรอียิปต์ในช่วง 1500 ปีก่อนคริสตกาล โดยคณะนักวิจัยจากพิพิธภัณฑ์อียิปต์มหาวิทยาลัย Bonn ในเยอรมันนี เพิ่งจะค้นพบซากตกค้างที่เชื่อว่า เป็นเศษน้ำหอมแห้งที่ก้นไหโลหะใบหนึ่ง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เป็นไหใส่น้ำหอมของฟาโรห์หญิง Hatshepsut ขั้นต่อไปก็คือการพยายามสร้างกลิ่นน้ำหอมจากซากเหล่านั้น ซึ่งนักวิจัยเดาว่าเป็นกลิ่นไม้หอมราคาแพง แบบเดียวกับที่ประเทศโซมาเลียส่งออกอยู่ในปัจจุบัน และหากทำได้จริง จะเป็นครั้งแรกที่ผู้คนทั่วโลกได้มีโอกาสดมกลิ่นน้ำหอมของฟาโรห์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ หลังจากที่พระองค์สวรรคตไปแล้วราว 3,500 ปี
ฟาโรห์ Hatshepsut ขึ้นครองราชย์ปกครองอียิปต์ หลังจากฟาโรห์ Thutmose ที่ 2 สามีของพระองค์สวรรคตลง และไม่มีผู้สืบราชบัลลังก์ผู้ชายเหลืออยู่ พระองค์ปกครองอาณาจักรอยู่ถึง 20 ปี ซึ่งว่ากันว่าเป็นช่วงที่อาณาจักรอียิปต์รุ่งเรือง และมีความสงบมากยุคหนึ่ง พระองค์ทรงใช้วิธีการปกครองอย่างชาย ทั้งยังทรงพยายามพัฒนาการค้า และสร้างความมั่งคั่งให้แก่อียิปต์โบราณ
หัวหน้าผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์อียิปต์มหาวิทยาลัย Bonn อธิบายว่าเครื่องหอมแบบที่ฟาโรห์หญิงพระองค์นี้ใช้ มีราคาแพงมากในสมัยนั้น และมักจะใช้ในวิหารเทพและสำหรับกษัตริย์เท่านั้น ในขณะที่การประพรมน้ำหอมตามตัว ก็เป็นสิ่งที่สตรีชั้นสูงในยุคอียิปต์โบราณกระทำอยู่เป็นประจำ
ดูเหมือนความหลงใหลในเครื่องหอมของฟาโรห์หญิง Hatshepsut จะเชื่อมโยงกับความปรารถนาของพระองค์ ที่ต้องการแผ่ขยายอำนาจออกไป ทั้งงานจิตรกรรมและปะติมากรรมหลายชิ้นของฟาโรห์หญิง Hatshepsut ต่างแสดงให้เห็นลักษณะการแต่งกายที่ดูเหมือนฟาโรห์ชาย และบางชิ้นยังเห็นภาพพระองค์มีหนวดเคราอีกด้วย ซึ่งนักวิจัยด้านอียิปต์วิทยาเชื่อว่า การที่พระองค์ทรงสวมเสื้อผ้า และเครื่องประดับรวมทั้งน้ำหอมราคาแพง เป็นวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ปกครองอันยิ่งใหญ่สูงสุดของอียิปต์สมัยนั้น
นักอียิปต์วิทยาพิสูจน์ซากมัมมี่ และระบุว่าเป็นฟาโรห์หญิง Hatshepsut สำเร็จเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด้วยการใช้วิธีตรวจรหัสพันธุกรรมและพิสูจน์ฟัน ซึ่งนับเป็นสมาชิกราชวงศ์อียิปต์โบราณองค์ที่ 2 ที่สามารถระบุซากมัมมี่ได้ นับตั้งแต่มัมมี่ของกษัตริย์ฟาโรห์ตุตันคาเมนเมื่อปี 1922 หรือ 87 ปีที่แล้ว