ตำนานหลุมลึกลับของเมล
หลายครั้งที่การพบหลุมประหลาดที่มีขนาดใหญ่มหึมาจะถูกกล่าวหาว่ามีที่มาจากมนุษย์ต่างดาว เพราะหลุมที่พบแต่ละครั้งบนโลกนั้นล้วนมีขนาดใหญ่ และปรากฎขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา หลุมของเมล ก็เช่นกัน หลุมของเมล คือชื่อเรียกของหลุมขนาดใหญ่ ที่เป็นตำนานกล่าวขานมาอย่างยาวนาน
ไม่มีใครฟันธงได้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเรื่องไม่จริง แต่ที่แน่ๆ ตำนานได้ระบุเอาไว้ว่า หลุมของเมลนี้ เป็นหลุมชุบชีวิต สามารถฟื้นคืนชีพสิ่งมีชีวิตได้ วันนี้จะนำตำนานหลุมของเมลนี้มาเล่าให้เพื่อนๆฟังกัน แต่ก่อนจะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้
การพบหลุมประหลาดนับว่าเป็นเรื่องที่พบเจอบ่อยในโลกใบนี้ เพราะแน่นอนว่าธรรมชาติของโลกเราย่อมซ่อนสิ่งที่มหัศจรรย์เอาไว้ในที่ที่ห่างไกลอยู่แล้ว และไม่แปลกถ้าหากมนุษย์ไปเจอแล้วจะเกิดความประหลาดใจ แต่ก็ยังมีมนุษย์บางกลุ่มที่มีความเชื่อเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว พวกเขามักจะคิดว่าที่มาของหลุมประหลาดหลายๆหลุมที่เกิดขึ้นบนโลกเป็นหลุมที่เกิดจากมนุษย์ต่างดาว
บ้างก็คิดว่าหลุมที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการที่ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวนั้นตกลงมา อย่างเช่นหลุมประหลาดที่พบผ่านการดู Google Earth ที่ประเทศรัสเซีย ที่พบว่ามีรูปร่างแผนที่ที่น่าแปลกใจตรงที่ว่าหลุมในบริเวณนั้นมีอะไรสักอย่างที่รูปร่างคล้ายแผ่นดิสก์ ลักษณะสีดำขนาดใหญ่ ปักอยู่ในบริเวณนั้น
👉แต่สำหรับบางคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องจริงนั้น เขาก็คิดว่ารอยดำบน Google Earth ในบริเวณนั้นก็คือรอยหลุมขนาดใหญ่แค่นั้นเอง นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างของการเจอหลุมประหลาดในโลกใบนี้ แต่เพื่อนๆรู้หรือไม่ เมื่อนานมาแล้วโลกเรานั้นเคยมีตำนานของหลุมขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “หลุมของเมล” หลุมของเมลนี้เป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ลึกแบบชนิดที่ว่าโยนอะไรลงไป ก็ไม่ได้ยินเสียงตกลงบนพื้นเลย
เรื่องราวตำนานนี้ได้ระบุว่าเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1997 จากผู้ชายชาววอชิงตัน ชื่อว่า เมล วอเตอร์ ในวันหนึ่งเมลได้โทรเข้าไปเล่าเรื่องราวลึกลับกับวิทยุรายการ Coast to Coast ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องลึกลับ น่ากลัว และเกี่ยวกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ เมลได้เล่าว่าเขาได้พบหลุมขนาดใหญ่ที่ดูน่าประหลาดใจอยู่ในพื้นที่ของเขาในแถบรัฐวอชิงตัน
👉หลุมที่เขาพบนั้นเขาได้ทดลองวัดกับสิ่งต่างๆที่เขามี และคาดการณ์ว่ามันน่าจะมีความลึกจากพื้นโลกประมาณ 80,000 ฟุต ซึ่งถ้าหากเป็นจริงตามที่เมลพูด ความลึกขนาดนี้จะทำให้หลุมนี้เป็นหลุมที่มีความลึกมากที่สุดในโลก เมลยังเล่าต่ออีกว่าหลุมที่พบในที่ของเขานั้นมักจะโดนเพื่อนบ้านนำเอาขยะมาโยนทิ้งในบริเวณนี้ เนื่องจากมันลึกมาก จึงทำให้บรรจุขยะได้อย่างไม่มีจำกัด
นอกจากชาวบ้านจะใช้เป็นที่ทิ้งขยะแล้วก็ยังมีเรื่องเล่าแปลกๆเกี่ยวกับหลุมนี้เช่นเดียวกัน เรื่องเล่าแปลกๆนั้นได้พูดถึงว่าเคยมีนายพรานที่มีสุนัขคู่ใจ และในวันหนึ่งสุนัขเขาได้เสียชีวิตไปซึ่งนายพรานก็เสียใจเป็นอย่างมาก และเขาตัดสินใจที่จะโยนสุนัขของเขาลงหลุมปริศนานั้นไปเพื่อเป็นการตัดใจ
แต่ไปๆมาๆ หลังจากที่เขาโยนสุนัขลงไป เขาได้กลับมาผ่านบริเวณหลุมนี้อีก และเขากับพบสุนัขของเขา ตัวที่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าหลุมนี้ช่วยในการฟื้นคืนชีพ หรือ ชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตได้ จึงกลายเป็นข่าวลือต่างๆนานาที่แพร่สะพัดไปว่า หลุมของเมลนี้มีพลังในการชุบชีวิต
หลังจากเมลเล่าเรื่องนี้ผ่านรายการวิทยุไป ก็มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ ผู้คนที่ไม่เชื่อต่างคิดว่าเรื่องที่เมลเล่านั้นอาจจะต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง หรือเป็นการเพิ่มมูลค่าที่ดินของเขา เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อมีคนไม่เชื่อ ก็ย่อมมีคนเชื่อ
คนที่เชื่อเมลนั้นต่างให้การสนับสนุนเมลด้วยข้อมูลที่ว่า เขาอยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณนั้นและได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก และคนแถวนั้นเชื่อกันว่าหลุมของเมลเกิดจากฝีมือของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งเขาคิดกันว่ามนุษย์ต่างดาวอาจอาศัยอยู่ใต้ดิน
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเรื่องราวหลุมของเมลนั้นยังคงเป็นปริศนา ในปัจจุบันเคยมีคนที่จะพยายามค้นหาหลุมของเมลในพิกัดบริเวณนั้น แต่ก็พบว่า พิกัดที่มันควรจะอยู่บน Google Earth กลายเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวทับเอาไว้จนมองไม่เห็นอะไร และก็มีบางคนที่จะพยายามสืบค้นหาชื่อเมล วอเตอร์ แต่ก็ไม่มีใครเคยพบชื่อนี้ในวอชิงตันเลย
เรื่องราวหลุมของเมลจึงกลายเป็นตำนานที่ยังคงความเป็นปริศนา และเป็นเรื่องเล่าติดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น